อะไรเกิดขึ้น ดัชนี S&P 500 (ที่รวมบริษัทหลักราว 500 แห่ง) หดตัวราว -1.1 % ณ ช่วงกลางวัน โดยดัชนี Nasdaq Composite (เทคโนโลยีหนัก) ร่วงหนักขึ้นถึงราว -1.7 % หลายหุ้นไฮเทคและ AI ชื่อดังให้ผลตอบแทนลดลง เช่น Nvidia ร่วงประมาณ 3.8 % หุ้น Palantir Technologies / Broadcom ก็มีแรงขายเช่นกัน ขณะเดียวกัน ผลจากการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐที่ยาวนานทำให้ข้อมูลเศรษฐกิจหลายตัวถูกเลื่อนออกไป นักลงทุนเริ่มกังวลว่าเมื่อข้อมูลออกมาจะไม่เป็นไปตามที่คาด และอาจส่งผลให้ Federal Reserve (เฟด) ลดอัตราดอกเบี้ยช้าหรือไม่ลดเลย อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐ (10 ปี) ปรับตัวขึ้นไปราว 4.10 % ซึ่งเป็นตัวกดดันหุ้น โดยเฉพาะหุ้นที่มีมูลค่าสูง
เหตุผลหลักที่ทำให้ตลาดดิ่ง
หุ้น AI และหุ้นเทคโนโลยี ถูกตั้งคำถาม หุ้นกลุ่มเทคโนโลยีโดยเฉพาะบริษัทที่เกี่ยวข้องกับ AI ได้รับการจับตามองอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ด้วยการเติบโตมหาศาลและความคาดหวังสูงมาก แต่ในวันนี้ ความคาดหวังอาจเริ่ม “เต็มราคา” แล้ว นักลงทุนจึงเริ่มขายทำกำไรหรือหวังหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่มากขึ้น
ความไม่แน่นอนด้านนโยบายการเงิน เมื่อนักลงทุนมองว่าเฟดอาจไม่ลดดอกเบี้ยในเร็ววันเหมือนที่คาดไว้ เพราะข้อมูลเศรษฐกิจถูกรบกวนโดยการปิดรัฐบาล นั่นหมายความว่าต้นทุนทางการเงินอาจยังสูงอยู่ ส่งผลให้การประเมินมูลค่า (valuation) หุ้นที่อิงการเติบโตระยะยาวอาจถูกลดลง
ข้อมูลเศรษฐกิจที่ล่าช้า การปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐเป็นเวลานาน ทำให้ข้อมูลสำคัญ เช่น ตัวเลขการจ้างงานและอัตราเงินเฟ้อ ถูกเลื่อนไป เรื่องนี้ทำให้นักลงทุนไม่มี “แสงสว่าง” ในการประเมินทิศทางเศรษฐกิจ ส่งผลให้ความผันผวนเพิ่มมากขึ้น
ผลกระทบที่เกิดขึ้น นักลงทุนที่ถือหุ้นกลุ่ม AI/เทคโนโลยีย้อนหลังอาจเห็นผลตอบแทนลดลงอย่างรวดเร็ว ความเปราะบางของตลาดเพิ่มขึ้น เมื่อต้นทุนระดมทุนสูงขึ้นและการเติบโตในอนาคตถูกกดดัน
สำหรับผู้ถือหุ้นแบบเน้นเติบโต (growth stocks) อาจต้องเผชิญความไม่แน่นอนมากขึ้น ในขณะที่หุ้นแบบเน้นคุณภาพ-อัตราผลตอบแทน (defensive stocks) อาจโดดเด่นขึ้น
ตลาดอาจมีโอกาส “พักตัว” หรือปรับฐาน เพื่อให้เกิดพื้นฐานที่แข็งแรงขึ้นก่อนจะฟื้นตัว
บทสรุป แม้ตลาดหุ้นสหรัฐจะอยู่ในช่วงที่ค่า P/E สูง และมีความคาดหวังในหุ้น AI มากมาย แต่การมาถึงของความไม่แน่นอน ไม่ว่าจะเป็นนโยบายการเงิน เศรษฐกิจจริง หรือโอกาสที่การเติบโตอาจน้อยกว่าที่คาดไว้ ทำให้ตลาดถูกกดดันให้ปรับตัวลงในวันนั้น สิ่งที่นักลงทุนควรเฝ้าดูคือ :
ตัวเลขเศรษฐกิจที่จะทยอยออกมา (เช่น ตัวเลขการจ้างงาน อัตราเงินเฟ้อ)
ท่าทีของเฟดและนโยบายดอกเบี้ย
หุ้นกลุ่ม AI/เทคโนโลยี ว่ามูลค่าที่ตั้งไว้สูงเกินจริงหรือไม่
ถ้าคุณเป็นนักลงทุนหรือถือพอร์ตหุ้นอยู่ การปรับพอร์ตเพื่อรับมือความเสี่ยง เช่น ลดสัดส่วนหุ้นที่อิงการเติบโตสูงเกินไป สำรองเงินสด หรือเพิ่มหุ้นที่มีพื้นฐานดีแต่ราคายังไม่แพง อาจเป็นตัวเลือกที่ควรพิจารณา


ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น