Latest News

วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม พ.ศ. 2568

มาทำความรู้จัก ธนาคาร J.P. Morgan เก่าแก่ใหญ่ที่สุดในโลก

 ธนาคาร J.P. Morgan หรือที่รู้จักกันในชื่อเต็มว่า J.P. Morgan Chase & Co. เป็นหนึ่งในสถาบันการเงินที่เก่าแก่และใหญ่ที่สุดในโลก มีประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 200 ปี มีบทบาทสำคัญในระบบการเงินของสหรัฐอเมริกาและทั่วโลก



ประวัติย่อของ J.P. Morgan:

จุดเริ่มต้น

ก่อตั้งโดย John Pierpont Morgan (J.P. Morgan) นักการเงินและนักลงทุนชื่อดังในศตวรรษที่ 19 ช่วงปลายทศวรรษ 1800 J.P. Morgan มีบทบาทสำคัญในการรวมกิจการของบริษัทอุตสาหกรรม เช่น U.S. Steel, General Electric


การเติบโตและพัฒนา

ธนาคาร J.P. Morgan เติบโตจากการเป็นธนาคารพาณิชย์ไปสู่ธนาคารเพื่อการลงทุนขนาดใหญ่ เป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการจัดหาเงินทุนในช่วงวิกฤตการเงิน เช่น วิกฤตเศรษฐกิจปี 1907 ซึ่ง J.P. Morgan เป็นผู้นำในการระดมเงินเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาดการเงิน


การรวมกิจการ

ในปี 2000 ธนาคาร Chase Manhattan รวมกับ J.P. Morgan & Co. กลายเป็น J.P. Morgan Chase & Co. ซึ่งเป็นหนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ต่อมามีการเข้าซื้อกิจการธนาคารอื่น 

เช่น:Bank One (2004) Bear Stearns และ Washington Mutual (ในช่วงวิกฤตการเงินปี 2008)


ปัจจุบัน

J.P. Morgan Chase & Co. มีธุรกิจครอบคลุมหลายด้าน:

การธนาคารเพื่อรายย่อย (Chase)

การลงทุน

การบริหารสินทรัพย์

การชำระเงินและบริการทางการเงินระดับโลก

ปัจจุบันมี Jamie Dimon เป็น CEO และถือเป็นผู้นำที่มีชื่อเสียงในวงการธนาคารโลก

John Pierpont Morgan
ผู้ก่อตั้งธนาคารJ.P. Morgan

ในตลาดหุ้นสหรัฐ J.P. มีกองทุน ETF คือกองทุน JEPi (JPMorgan Equity Premium Income ETF) และ (JPMorgan Nasdaq Equity Premium Income ETF) เป็นกองทุน ETF จาก JPMorgan ที่เน้นการสร้างรายได้ (income) โดยมีลักษณะเด่นคือ:

แนวทางการลงทุนของ JEPi:

ลงทุนในหุ้นคุณภาพสูง (High-quality U.S. equities)

เน้นหุ้นของบริษัทขนาดใหญ่ในสหรัฐฯ ที่มีความมั่นคง รายได้สม่ำเสมอ และมีปัจจัยพื้นฐานแข็งแกร่ง

หลายบริษัทอยู่ในดัชนี S&P 500


กลยุทธ์การเขียนออปชั่น (Equity Premium Writing)

JEPi ใช้กลยุทธ์การขาย covered call options เพื่อสร้างรายได้พิเศษเพิ่มเติมจากพอร์ตหุ้น

รายได้นี้เสริมจากเงินปันผล ทำให้กองทุนมีผลตอบแทนรายเดือนค่อนข้างสูง


เป้าหมายของกองทุน

สร้าง รายได้ประจำ (monthly income)

ลดความผันผวนของพอร์ตเทียบกับตลาดหุ้นทั่วไป

ไม่เน้นการเติบโตของราคาทุนเท่าไหร่ (capital appreciation ไม่ใช่จุดเด่น)


ส่วนJEPQ ลงทุนในด้านหุ้นเทคโนโลยี Nasdaq 100 

เน้นหุ้นเติบโตสูง โดยเฉพาะเทคโนโลยีแต่ มีกลยุทธ์คล้ายกัน (covered call) ทำให้รายได้เสริมคล้ายกัน

ลงทุนทั้งสองตัวช่วยกระจายความเสี่ยง


เหมาะกับใคร:

นักลงทุนที่ต้องการ กระแสเงินสดรายเดือน

ผู้ที่รับความเสี่ยงปานกลาง และอยากได้ผลตอบแทนที่มากกว่าพันธบัตรหรือเงินฝาก

ผู้ที่ไม่คาดหวังการเติบโตของราคาหุ้นสูงมาก


จุดเปรียบเทียบ JEPi JEPQ
ชื่อเต็ม JPMorgan Equity Premium Income ETF JPMorgan Nasdaq Equity Premium Income ETF
ตลาดที่เน้น หุ้นขนาดใหญ่สหรัฐฯ (S&P 500/Blue-chip stocks) หุ้นเทคโนโลยี/เติบโตสูง (Nasdaq 100)
กลยุทธ์ออปชั่น Covered call บนดัชนี S&P 500 Covered call บนดัชนี Nasdaq-100
ความเสี่ยง ต่ำกว่า JEPQ สูงกว่า JEPi (เพราะเน้นหุ้นเทคฯ)
ผลตอบแทน (income) ปันผลรายเดือน 7–10% โดยเฉลี่ย ปันผลรายเดือน 10–12% โดยเฉลี่ย
โอกาสเติบโต (Capital gain) จำกัด (เน้นความมั่นคง) มากกว่า JEPi (แต่ก็ยังถูกจำกัดจาก covered calls)

แนวทางแนะนำ:

ถ้าคุณอยากได้ รายได้ประจำ พร้อมการกระจายกลุ่มหุ้น — ลงทุนทั้ง JEPi + JEPQ จะดีกว่า
ถ้าคุณเน้น ความมั่นคง มากกว่า — JEPi เหมาะกว่า
ถ้าคุณต้องการ โอกาสเติบโตระยะยาวและยอมรับความเสี่ยงได้ — JEPQ อาจตอบโจทย์




ได้รู้จักประวัติคร่าวๆของปู่ John Pierpont Morgan และกองทุน J.P. Morgan การลงทุนมีความเสี่ยงควรศึกษาก่อนลงทุนด้วยนะครับ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

lungmieและทีมงาน

เว็บไซต์นี้เกี่ยวกับข่าวสารบทความที่หลากหลายการเงินการลงทุนและเรื่องจิปาถะ

ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์