Latest News

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568

ทรัมป์ยุติชัตดาวน์:ก้าวสำคัญที่คลี่คลายวิกฤตรัฐบาล – ผลดีที่ควรรู้



เมื่อ โดนัลด์ ทรัมป์ (Donald Trump) ลงนามยุติการปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐฯ (Shutdown) หลังจากดำเนินมานานถึง 43 วัน ถือว่าเป็นการยุติสถานะการณ์ที่หนักหน่วงที่สุดในประวัติศาสตร์สมัยใหม่ของสหรัฐฯ


หตุใดจึงเกิดการชัตดาวน์ และทรัมป์ยกเลิกเมื่อใด รัฐบาลสหรัฐฯ เข้าสู่การปิดทำการ (Shutdown) ตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2025 เนื่องจาก สภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ และ วุฒิสภาสหรัฐฯ ไม่สามารถตกลงงบประมาณและมาตรการต่าง ๆ ได้ทันเวลา ซึ่งเป็นการปิดทำการนานที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ใช้เวลารวม 43 วัน ทรัมป์ในฐานะประธานาธิบดีลงนามในกฎหมายจัดสรรงบประมาณ เพื่อให้รัฐบาลกลับมาเปิดทำการอีกครั้งใน 12 พฤศจิกายน 2025 การยุติการชัตดาวน์นี้หมายถึงการกลับมาเปิดการทำงานของหน่วยงานรัฐบาล และการจ่ายเงินให้พนักงานรัฐบาลที่ถูกพักงาน (furloughed) และผู้ได้รับผลกระทบบางส่วน

ผลดีที่เกิดขึ้นทันที 

การยุติการชัตดาวน์ของรัฐบาลมีผลดีหลายด้านซึ่งน่าสังเกต ดังนี้:การจ่ายเงินให้พนักงานรัฐบาลและผู้ได้รับผลกระทบ พนักงานรัฐบาลที่ถูกพักงานหรือทำงานโดยไม่ได้รับค่าจ้างกลับเข้าสู่ระบบแล้ว และหน่วยงานรัฐบาลต่าง ๆ เริ่มกลับมาทำงาน การหยุดชะงักนี้หากยาวนานยิ่งมีผลต่อเศรษฐกิจครัวเรือน เป็นการคลายแรงกดดันด้านการเงินของหลาย ๆ ครัวเรือน



โปรแกรมช่วยเหลือสังคมกลับมาเดินได้เต็มรูปแบบ 

ตัวอย่างเช่น Supplemental Nutrition Assistance Program (SNAP) ซึ่งช่วยเหลือผู้มีรายได้น้อย ได้กลับมาได้รับเงินช่วยเหลือเต็มจำนวนภายใน 24 ชั่วโมงหลังจากการชัตดาวน์ยุติ โดยเฉพาะช่วงที่ผู้คนเผชิญความยากลำบากจากการหยุดของรัฐบาล การกลับมาของการช่วยเหลือนี้มีความหมายมาก


หน่วยงานรัฐบาลกลับมาเปิดทำการ – บริการสาธารณะกลับสู่ภาวะปกติ

หน่วยงานหลาย ๆ แห่งที่ถูกชะงัก เช่น พิพิธภัณฑ์แห่งชาติ แหล่งบริการของรัฐบาล ได้กลับมาเปิดอีกครั้ง นั่นหมายถึง “ความปกติ” ของรัฐสภาและบริการสาธารณะเริ่มกลับมา ส่งผลต่อความเชื่อมั่นของประชาชน


ลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและฟื้นฟูภาพลักษณ์

การชัตดาวน์ส่งผลเสียทางเศรษฐกิจอย่างมาก — มีการประเมินว่าอาจทำให้เศรษฐกิจเสียโอกาสเติบโตถาวรหลาย พัน ล้าน ดอลลาร์ เมื่อยุติแล้ว ก็เป็นสัญญาณว่าอุปสรรคใหญ่ ๆ ถูกยกเลิก ซึ่งช่วยลดความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและการลงทุน


สิ่งที่ผู้คนทั่วไปจะสังเกตได้ในชีวิตประจำวัน

ผู้ใช้บริการหรือประชาชนที่เคยถูกหยุดบริการ จะเริ่มได้รับการบริการคืน เช่น พนักงานบริการรัฐ หรือโปรแกรมช่วยเหลือสังคม

พนักงานรัฐบาลที่เคยถูกพักงานจะกลับไปทำงาน และอาจเริ่มได้รับค่าจ้างย้อนหลัง (ขึ้นอยู่กับกฎหมายและการจัดสรร)

ครัวเรือนรายได้น้อยที่พึ่งพาโปรแกรมช่วยเหลือ เช่น SNAP จะได้รับเงินช่วยเหลือ ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายในครัวเรือน

ภาคธุรกิจที่ถูกกระทบจากการชัตดาวน์ เช่น ร้านค้าหน้าสำนักงานรัฐบาล พิพิธภัณฑ์ หรือบริการสาธารณะ อาจเริ่มฟื้นตัว

โดยภาพรวม “ความไม่แน่นอน” ในระบบราชการลดลง ซึ่งช่วยให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นในการทำงานของรัฐมากขึ้น


ข้อคิดและสิ่งที่ต้องจับตาต่อไป

แม้ว่าการยุติชัตดาวน์จะเป็นข่าวดี แต่ก็ยังมีสิ่งที่ควรจับตาต่อไป เช่น

แม้รัฐบาลเปิดทำการแล้ว แต่ผลกระทบบางส่วนอาจไม่สามารถคืนกลับได้ทันที เช่น การหยุดของงานวิจัย บริการที่ถูกพักชะงัก

มีข้อถกเถียงเรื่องการจ่ายเงินย้อนหลังให้พนักงานรัฐบาล หรือมาตรการป้องกันในครั้งต่อไป

การเจรจางบประมาณครั้งต่อไปยังมีประเด็นใหญ่อยู่ โดยเฉพาะเรื่องสวัสดิการ และการจัดงบประมาณระยะยาว


การที่ทรัมป์ยุติชัตดาวน์ครั้งนี้ถือเป็นการ ปลดล็อกรัฐ ที่ส่งผลดีหลาย ด้าน — ทั้งด้านช่วยเหลือสังคม การกลับมาทำงานของรัฐ และการลดความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ

สำหรับผู้อ่านทั่วไป นี่คือสัญญาณว่าวิกฤติใหญ่ในระบบราชการได้รับการคลี่คลายแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในช่วง “เริ่มฟื้นตัว” จึงควรติดตามต่อว่า “สิ่งที่หยุดไว้” จะกลับคืนมาไหม และ “มาตรการป้องกัน”ครั้งหน้าเป็นเช่นไร

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

lungmieและทีมงาน

เว็บไซต์นี้เกี่ยวกับข่าวสารบทความที่หลากหลายการเงินการลงทุนและเรื่องจิปาถะ

ผู้ก่อตั้งเว็บไซต์